พลังงานความร้อนจากใต้ดิน ประโยชน์มากมายที่ไม่ควรมองข้าม

0
1298

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น แสงแดดค่อนข้างแรง ความสนใจในเรื่องการน้ำพลังงานความร้อนจากใต้ดินมาใช้จึงค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น มีความต้องการความร้อน ความอบอุ่นในช่วงหน้าหนาว พลังงานความร้อนที่ได้จากใต้พิภพ คือพลังงานที่ผลิตได้จากพลังงานความร้อนในรูปของน้ำใต้ดิน หรือน้ำพุร้อน เราสามารถนำพลังงานความร้อนจากใต้ดินมาใช้ประโยชน์ได้หลายทาง

พลังงานความร้อนจากใต้ดิน

มาดูกันว่าเราจะได้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนจากใต้ดินอะไรบ้าง

เพื่อการท่องเที่ยว

น้ำพุร้อน จัดเป็น พลังงานความร้อนจากใต้ดิน ที่สามารถสร้างรายได้ในเชิงการท่องเที่ยวได้ สามารถจัดเป็นกิจกรรมอาบน้ำแร่ นอนแช่น้ำแร่ การชมน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งเหนือพื้นดิน จัดว่าเป็นใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ง่าย

เพื่อการรักษาหรือบำบัด

หรือที่เรียกว่า”วารีบำบัด” (Water Therapy) พลังงานความร้อนใต้พิภพที่ผุดขึ้นมาในรูปแบบของบ่อน้ำร้อนนั้น จะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิดซึ่งจะแตกต่างกันตามสภาพภูมิประเทศ เช่น คาร์บอเนต เกลือ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เป็นต้น ความร้อนในน้ำจะช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย รูขุมขนขยายทำให้แร่ธาตุไหลเข้าไปตามรูขุมขนการแช่น้ำพุร้อนควรทำวันละ 2-3 ครั้ง นาน 30 นาที

เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า

ปัจจุบันเราสามารถขุดลงไปใต้ดินได้เพียง 10 กิโลเมตร ทำให้การนำพลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้จึงอยุ่ในวงจำกัด การนำความร้อนใต้พิภพมาผลิตไฟฟ้าเป็นการใช้แรงดันไอน้ำทำให้กังหันไอน้ำหมุนเครื่องกำหนดไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังงานใต้พิภพมีอยู่หลายระบบ ได้แก่ ระบบไอน้ำแห้ง (Dry Steam) ใช้ในกรณีที่แหล่งกักเก็บมีอุณหภูมิสูงบมาก แต่มีไอร้อนแห้ง, ระบบสองวงจร(Binary Cycle)เป็นการนำความร้อนมาทำให้ของเหลวพิเศษกลายเป็นไอและส่งไอไปหมุนกังหัน, ระบบไอน้ำร้อนที่แยกมาจากน้ำร้อน (Flash Steam)นำน้ำร้อนส่งเข้าFlash Tank น้ำร้อนจะถูกแปรสภาพเป็นไอน้ำร้อน นอกจากนี้ยังมีระบบไอน้ำเปียก ระบบเสริมพลังงานความร้อน ซึ่งแต่ละระบบจะต่างกันด้วยวิธีการนำไอน้ำมาใช้ปัจจุบันประเทศไทยก็มีโรงงานสาธิตผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพอยู่ 1 แห่ง คือโรงไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพฝาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเปิดทำการเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2532 สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 300 กิโลวัตต์ การตั้งโรงงานที่นี้เนื่องจากบริเวณโดยรอบมีบ่อน้ำร้อนกว่า 100 บ่อ มีความตื้นประมาณ 100 เมตร น้ำพุมีอุณหภูมิสูงกว่า 90 องศาเซลเซียล มีอัตราการไหลขึ้นมาเองตามธรรมชาติวัดได้ 22.4 ลิตร/วินาที โรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้ระบบแบบสองวงจร

เพื่อสร้างความอบอุ่น

ในประเทศที่มีอากาศหนาว จะมีการเจาะหลุมบริเวณรอบบ้าน อาคารหรือพื้นที่ขนาดเล็ก โดยน้ำร้อนจากใต้พิภพจะถูกลำเลียงไปตามท่อ เพื่อให้ความอบอุ่น รวมทั้งการให้ความอบอุ่นทั้งชุมชนหรือเมือง อย่างในประเทศไอซืแลนด์ ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการต่อท่อน้ำร้อนใต้ทางเท้าเพื่อป้องกันการจับตัวของน้ำแข็ง ทำให้ทางเท้าลื่น

เพื่อการเกษตรกรรม

ในประเทศที่มีอุณหภูมิต่ำได้นำพลังงานความร้อนใต้พิภพนี้มาให้ความอบอุ่นในการปลูกพืชในเรือนกระจก การเลี้ยงสัตว์น้ำ การผสมพันธุ์ปลา การทำฟาร์มจระเข้ เป็นต้น ทำให้สามารถประกอบอาชีพได้ทั้งปี

เพื่อการอุตสาหกรรม

โดยนำความร้อนที่ได้มาอบแห้ง บ่ม ผลผลิตทางการเกษตร ทำห้องเย็น ในประเทศอิตาลีมีการผลิตพลังงานทั้งระบบโดยการใช้อาศัยไอน้ำร้อนจาก พลังงานความร้อนจากใต้ดิน แล้ว ยังได้วัตถุดิบที่สำคัญมาใช้ในงานอุตสาหกรรมเคมีอีกด้วย

พลังงานความร้อนจากใต้ดิน เป็นพลังงานทดแทน ที่สร้างมลภาวะน้อยเมื่อเทียบทำกับพลังงานจากถ่านหิน จึงถึงว่าเป็นแหล่งพลังงานทางเลือกที่น่าสนใจอีกแหล่งหนึ่งคะ